NASA/ESA Solar Orbiter จับภาพหนึ่งในน้ำพุพลาสมาที่มีประจุแม่เหล็กจากโคโรนาของดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด เป็นหนึ่งในข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ แรก ๆ ที่ได้รับจากยานอวกาศหลังจากการเดินทางจากโลกไปยังดวงอาทิตย์เป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยตอบคำถามที่มีมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับผลกระทบของกิจกรรมสุริยะบนโลกของเรา
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวของดวงอาทิตย์จะเป็นปรากฏการณ์ธรรมดา แต่การปล่อยรังสีจากโคโรนาของดวงสว่างอาจทำให้เกิดการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าบนโลกได้ ยานสำรวจอวกาศที่ได้รับการปกป้องจาก Solar Orbiter ของ NASA ได้บันทึกวิดีโอของปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ดังกล่าวในชั้นบรรยากาศสุริยะเป็นครั้งแรก
โพรบ Solar Orbiter ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดย NASA และ European Space Agency (อีเอสเอ) เพื่อศึกษา cataclysms ตามธรรมชาติที่คล้ายคลึงกันซึ่งสามารถขว้างพลาสมาและอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจำนวนหลายพันล้านตันมายังโลกและในทิศทางอื่นๆ "การระเบิด" ดังกล่าวเรียกว่าการขับมวลโคโรนาเกิดขึ้นเป็นประจำ
เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวปี 2020 ยานสำรวจนี้ถูกปล่อยในทิศทางของดวงอาทิตย์ และในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ของปีนี้ ยานสำรวจอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 77 ล้านกม. ซึ่งผ่านระยะห่างครึ่งหนึ่งระหว่างโลกกับ ดาว. ขณะบินรอบดวงอาทิตย์ อุปกรณ์ได้ทำการบันทึกวิดีโอของการปล่อยมลพิษ
มีการใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อจับภาพที่มีความเข้มดังกล่าว หากคนแรกถ่ายภาพดวงอาทิตย์ คนอื่นๆ บันทึกการปลดปล่อยพลังงานที่ทรงพลังที่สุดผ่านโคโรนา ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้รวมข้อมูลที่ได้รับไว้ในวิดีโอเดียว
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์และลมสุริยะเป็นกุญแจสำคัญ เนื่องจากพวกมันมีส่วนทำให้เกิดสภาพอากาศในอวกาศ สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่มากจนเกินกว่าดาวพลูโต ซึ่งเป็นเส้นทางให้ลมสุริยะเดินทางผ่านระบบสุริยะ
ภารกิจ Solar Orbiter จะทำงานควบคู่กับยาน Parker Space Probe ของ NASA ซึ่งกำลังบินรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลา 2018 ปี และเพิ่งเข้าใกล้ดาวดวงที่ 7 ได้สำเร็จ เปิดตัวในเดือนสิงหาคม พ.ศ. XNUMX และจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในระยะเกือบ XNUMX ล้านกิโลเมตร ไม่เคยมียานอวกาศลำใดเข้ามาใกล้
อ่าน:
- ESA จะเปิดตัวภารกิจแรกในการทำความสะอาดเศษซากจากวงโคจร
- ESA Lunar Pathfinder จะทดสอบการนำทางด้วยดาวเทียมในวงโคจรของดวงจันทร์